Visa & Immigration

IR-1 DCF Visa: ขั้นตอนที่ 5 สัมภาษณ์วีซ่า

การสัมภาษณ์วีซ่ามีบรรยากาศที่เป็นกันเอง หากได้ส่งหลักฐานทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ทำใจให้สบาย ๆ ยิ้มแย้มเป็นมิตรกับผู้สัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่พูดภาษาไทยได้ แต่หากจะเลือกคุยเป็นภาษาอังกฤษก็ได้เช่นกัน เน้นตอบให้ฉะฉาน กระชับ ชัดเจน อย่าอ้ำอึ้ง ก่อนวันสัมภาษณ์ให้เตรียมเอกสาร Packet 4 ให้เรียบร้อยและถือไปกับตัววันสัมภาษณ์

แนะนำให้อ่านก่อน

ข้อแนะนำ

  • เตรียมเอกสารสำหรับ Packet 4 ตาม list ด้านล่าง ทุกอย่างเป็นสำเนา ยกเว้นที่วงเล็บตัวจริง ไม่ต้องเซ็นรับรอง ทั้งหมดนี้คือเอกสารที่เราส่งไปสำหรับเคสเรา หากต้องการเช็ครายละเอียดเอกสารทั้งหมดหรืออื่น ๆ ที่สถานทูตอาจต้องการ สามารถเช็คได้จากเว็บไซต์สถานทูตอเมริกาที่หน้านี้
  • เอกสารความสัมพันธ์ เช่นอัลบั้มรูปถ่าย ประวัติการแช็ท ฯลฯ หากมอบไปในปริมาณมากให้แก่เจ้าหน้าที่ USCIS ในขั้นตอนแรกแล้วก็ไม่ต้องเตรียมไปอีก หรืออาจจะเตรียมไปเผื่ออีกเล็กน้อยได้
  • ตาม list ด้านล่างจะพบว่ามีเอกสารบางตัวที่ได้ส่งรวมไปแล้วใน Packet 3 อันนี้ทางสถานทูตเขาระบุเผื่อไว้สำหรับคนที่ไม่ได้ส่งหรือส่งไม่ครบ ให้ถือไปในวันสัมภาษณ์เลย สำหรับเราเราถือก๊อปปี้ไปอีกค่ะ เผื่อเหลือดีกว่าเผื่อขาด
  • หากต้องการนำอัลบั้มรูปไปสมทบเพิ่ม แนะนำให้ใช้อัลบั้มขนาดเล็ก อย่าใช้อัลบั้มหนา เพราะบริเวณหน้าต่างที่สำหรับสอดเอกสารให้เจ้าหน้าที่ค่อนข้างแคบ
  • วันสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เราเข้าได้คนเดียว ตัว US citizen ต้องรอด้านนอก
  • อย่าพกสัมภาระไปเยอะ กระเป๋าใบใหญ่ไม่อนุญาตให้เข้า แต่กระเป๋าเอกสารถือเข้าได้ โทรศัพท์มือถือฝากได้เครื่องเดียว หากมีมากกว่า 1 เครื่องต้องไปหาร้านรับฝากด้านนอก พกเงินสดหรือบัตรเครดิตติดตัวเข้าไปด้วยเพื่อจ่ายค่าสัมภาษณ์ $325

วิธีการและประสบการณ์ของเรา

IR-1 DCF Visa: ขั้นตอนที่ 5 สัมภาษณ์วีซ่า

Serves: SawasdeeAmerica.com
Cooking Time: February 11th, 2018

Ingredients

  • 1. อีเมล์นัดสัมภาษณ์
  • 2. พาสปอร์ตเล่มปัจจุบันและเล่มก่อนทุกเล่ม (ตัวจริง)
  • 3. DS-260 printout
  • 4. รูปถ่าย 2x2 นิ้ว 2 ใบ
  • 5. GSS printout
  • 6. สูติบัตร พร้อมใบแปลรับรองโดยบริษัทแปล (ตัวจริง)
  • 7. ทะเบียนสมรส (ตัวจริง)
  • 8. ใบรับรองทะเบียนสมรส (ตัวจริง) ถ้ามี
  • 9. ทะเบียนบ้าน พร้อมใบแปลรับรองโดยบริษัทแปล (ตัวจริง)
  • 10. ใบหย่า และ/หรือ ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล ถ้ามี
  • 11. เอกสาร domicile
  • 12. ใบรับรองความประพฤติ
  • 13. หลักฐานความสัมพันธ์ เช่น รูปถ่าย ตั๋วเครื่องบิน อีเมล์ แช็ท ฯลฯ
  • 14. ผลการตรวจร่างกาย ซองสีน้ำตาลปิดผนึก
  • 15. บัตรเครดิตหรือเงินสดจำนวน $325

Instructions

1

จัดเอกสารเรียงตามลำดับด้านบน แต่พอถึงเวลาจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ขอดูไม่กี่อย่างค่ะ เราคิดว่าเขาบอกเผื่อไว้สำหรับคนที่ยังไม่ได้ส่งเอกสารเหล่านี้ไปใน Packet 3 ก็ให้ถือมาในวันสัมภาษณ์ด้วยเลย

2

แนะนำให้ไปถึงสถานทูตครึ่งชั่วโมงก่อนเวลาสัมภาษณ์ ของเราไปถึงจะได้เข้าคิวของวีซ่าถาวรแยกต่างหาก พอถึงเวลานัดจะมีเจ้าหน้าที่ออกมาเช็คชื่อ จากนั้นเดินเข้าตึก ปิดมือถือ ฝากของต่าง ๆ แนะนำให้ฝากด้วยบัตรอื่นที่ไม่ใช่บัตรประชาชน พวกเอกสารและกระเป๋าถือใบเล็กนำเข้าได้ แต่ต้องผ่านการสแกนก่อน

3

พ้น security check ออกมาแล้วให้เลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงไปที่หน้าต่างเบอร์ 1-3 รอหน้าต่างเปิด ของเราวันที่ไปเปิดแค่ช่อง 2 กับ 3

4

เราได้ตรวจเอกสารกับเจ้าหน้าที่คนไทยช่อง 2 เจ้าหน้าที่ใจดี พูดจาดี ยิ้มแย้ม เป็นมิตร ลดความประหม่าไปได้มากเลยทีเดียว เอกสารที่เจ้าหน้าที่ถามหามีแค่ 3 อย่างคือ สูติบัตร ทะเบียนสมรส และผลการตรวจร่างกาย ตัวจริงทั้งหมด ดังนั้นเราแนะนำให้แยกเอกสาร 3 อย่างนี้ออกมาเตรียมไว้เลยเพื่อประหยัดเวลาหาค่ะ

5

จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เราสแกนลายนิ้วมือทุกนิ้ว ก่อนจะถามข้อมูลทั่วไปเพื่อเป็นการสรุปเคสให้กับเจ้าหน้าที่กงสุลด้านในต่อไป

คำถามที่เราถูกถาม:

○ เรากับสามีเจอกันได้อย่างไร เมื่อไหร่ ที่ไหน
○ เราทำงานอะไร ที่ไหน
○ เราเคยไปอเมริกามาแล้วกี่ครั้ง ไปด้วยวีซ่าอะไร
○ เดทกันนานมั้ยกว่าจะตกลงแต่งงานกัน
○ ตั้งใจจะย้ายไปเมื่อไหร่
○ ทำไมไม่มีบุตร
○ สามีจะไปพร้อมกันหรือไปก่อน
○ พ่อแม่สามีชื่ออะไร

6

เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะให้กระดาษแผ่นเล็ก ๆ ให้นำไปจ่ายเงินที่ cashier ด้านในห้องสัมภาษณ์เป็นจำนวนเงิน $325 หลังจากนั้นนำใบเสร็จกลับมายื่นให้เจ้าหน้าที่ที่หน้าต่างเดิม จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เข้าไปรอสัมภาษณ์ในห้องสัมภาษณ์ด้านใน

7

ภายในห้องสัมภาษณ์บรรยากาศเสียงดังค่ะ เพราะคนที่มาขอวีซ่าชั่วคราวมีเยอะเดินเข้าออกตลอดเวลา และเวลาสัมภาษณ์เราก็จะได้ยินเสียงคำถามคำตอบของคนอื่นค่อนข้างชัด แนะนำให้โฟกัสที่ตัวเราเองไว้เพื่อลดความตื่นเต้น นั่งรอคิวได้ซักพักเราก็เห็นท่านกงสุลมานั่งประจำที่และเปิดเอกสารเคสเราดูอย่างใจเย็น จากนั้นก็เรียกคิวให้เราเดินเข้าไปสัมภาษณ์

8

หน้าต่างวีซ่าถาวรมีช่องเดียวคือเบอร์ 5 เดินไปถึงท่านก็ยกมือไหว้สวัสดีก่อนเลย และยิ้มให้ ทำให้คลายความตื่นเต้นไปได้มาก

9

ก่อนเริ่มถามคำถามท่านจะให้เราสแกนนิ้วมือข้างซ้าย จากนั้นให้ยกมือขวาขึ้นเพื่อสาบานว่าสิ่งที่จะพูดต่อจากนี้ไปเป็นความสัตย์จริง

คำถามที่เราถูกถาม:

○ เรากับสามีเจอกันได้อย่างไร เมื่อไหร่ ที่ไหน
○ เราเคยไปอเมริกามาแล้วกี่ครั้ง ไปด้วยวีซ่าอะไร ไปทำวิจัยที่มหาวิทยาลัยไหน
○ ตั้งใจจะย้ายไปเมื่อไหร่
○ สามีย้ายไปแล้วจะทำงานอะไร

10

แค่นี้ แล้วก็บอกว่าวีซ่าผ่านแล้วนะ รอรับทางไปรษณีย์ในอีก 7 วัน โอ้โห โล่งงงงงงงเลยค่ะ 🙂 ส่วนเอกสารความสัมพันธ์เจ้าหน้าที่จะเก็บบางส่วนไว้ ที่เหลือจะคืนให้เลยตอนสัมภาษณ์เสร็จ

11

วันถัดไปหากหากอยากเช็คสถานะเคสออนไลน์ให้ไปที่เว็บนี้ ตอนเช้าสถานะจะอยู่ที่ Administrative Processing และตอนบ่ายจะขึ้นเป็น Issued ซึ่งหมายถึงสถานทูตได้ออกวีซ่าให้เราแล้วเรียบร้อย

12

สำหรับเรา ช่วงบ่ายของวันที่ 2 หลังจากวันสัมภาษณ์ก็ได้รับพาสปอร์ตพร้อมสแตมป์วีซ่าและเอกสารอื่น ๆ ไว้สำหรับยื่นแก่เจ้าหน้าที่ immigration ที่ port of entry วันเดินทาง เอกสารจะเป็นซองสีน้ำตาลปิดผนึก ห้ามเปิดเด็ดขาดค่ะ ตรวจสอบว่าพาสปอร์ตส่งมาถึงไหนแล้วที่หน้านี้

Notes

วิธีการเดินทางไปสถานทูตอเมริกา (US Embassy)
ขึ้น BTS ลงสถานีเพลินจิต ออกประตู 2 แล้วเดินไปตามถนนวิทยุ สถานทูตจะอยู่ซ้ายมือถัดจากสะพานลอย

ติดต่อสถานทูตอเมริกา
ที่อยู่: 120-122 ถ. วิทยุ เขตลุมพินี กรุงเทพฯ 10330
เวลาทำการ: 8:30-12:00 น. (จ-ศ) ยกเว้นวันหยุดราชการไทยและอเมริกา
โทร: 02-105-4110
อีเมล์: visasbkkiv@state.gov (case specific)
เว็บไซต์: th.usembassy.gov

This post is also available in: enEnglish

You Might Also Like

No Comments

Leave a Reply