หลังจากส่ง Packet 3 ไปแล้ว ทางสถานทูตจะส่งอีเมล์มาหาเราเพื่อบอกวันและเวลาสัมภาษณ์ พอได้อีเมล์นี้แล้วให้เริ่มติดต่อโรงพยาบาลที่สถานทูตกำหนดเพื่อไปตรวจร่างกายได้เลย หากยังไม่ได้อีเมล์นี้ทางโรงพยาบาลจะไม่รับตรวจค่ะ ระหว่างนี้หากอยากเช็คสถานะเคสออนไลน์ ให้ไปที่เว็บนี้ สถานะจะต้องอยู่ที่ Ready
แนะนำให้อ่านก่อน
- IR-1 DCF Visa: ข้อมูลเบื้องต้น
- IR-1 DCF Visa: ตัวอย่างไทม์ไลน์
- IR-1 DCF Visa: ขั้นตอนที่ 1 การยื่นเรื่อง I-130 petition
- IR-1 DCF Visa: ขั้นตอนที่ 2 การขอใบรับรองความประพฤติ
- IR-1 DCF Visa: ขั้นตอนที่ 3 การส่งเอกสาร Packet 3
ข้อแนะนำ
- เอกสารที่ต้องเตรียม ทุกอย่างเป็นสำเนา ไม่ต้องเซ็นรับรอง
- ผลตรวจสุขภาพมีอายุ 6 เดือน ดังนั้นไม่ต้องรีบไปขอ รอให้ได้วันสัมภาษณ์ที่แน่ชัดก่อนแล้วค่อยไปขอ หาก ณ วันสัมภาษณ์ ผลตรวจมีอายุมากกว่า 6 เดือนแล้วจะต้องเริ่มเรื่องขอใหม่
- และเวลา 6 เดือนนี้ก็เป็นตัวกำหนดวันหมดอายุของวีซ่าคุณด้วย หากวันเดินทางไปอเมริกาของคุณเลย 6 เดือนหลังจากได้รับผลตรวจร่างกายแล้ว วีซ่าคุณจะถือว่าหมดอายุ ต้องไปเริ่มกระบวนการตรวจร่างกายและสัมภาษณ์วีซ่าใหม่
- ส่วนการฉ่ีดวัคซีน สามารถเริ่มฉีดไว้ก่อนได้ จะฉีดที่ไหนก็แล้วแต่ความสะดวก ส่วนตัวเราเลือกที่จะไปฉีดที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เลย เพราะเราเน้นความสะดวก หากต้องการประหยัดเงินค่าวัคซีน สามารถฉีดที่คลินิกแถวบ้าน หรือไปฉีดที่สถานเสาวภา สภากาชาดไทยก็ได้
- วัคซีนบางตัว อาจต้องมีการฉีดเข็มที่ 2 และ 3 ห่างจากเข็มแรก 1-6 เดือน ทางสถานทูตต้องการแค่ให้คุณมีเอกสารรับรองว่าได้ฉีดเข็มแรกแล้ว ส่วนเข็มที่เหลือนั้นคุณจะกลับไปฉีดหรือไม่ก็ได้ แต่แนะนำให้ฉีดเพื่อที่จะได้ครบโดสและคุณจะได้มีภูมิคุ้มกันต่อโรคแบบสมบูรณ์ หากเลือกที่จะไปฉีดเข็มที่เหลือหลังจากเข้าอเมริกาแล้วก็ได้ แต่ราคาวัคซีนที่อเมริกาจะแพงกว่าเมืองไทย
- ผลการ X-ray ปอด หากผิดปกติจะต้องมีการเก็บเสมหะและทานยาซึ่งต้องใช้เวลา หากได้ผลไม่ทันวันสัมภาษณ์ต้องติดต่อทางสถานทูตเพื่อเลื่อนนัด ส่วนผลการตรวจจะมีอายุแค่ 3 เดือนเท่านั้น
- ผลตรวจสุขภาพไม่ต้องแปล เพราะเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว
- ในวันรับผลตรวจ พยาบาลจะยื่นซองสีน้ำตาลปิดผนึกมาให้ ซองนี้ห้ามเปิดเด็ดขาด เจ้าหน้าที่สถานทูตจะเป็นคนเปิดเท่านั้น
- หาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการตรวจร่างกายที่เว็บนี้
วิธีการและประสบการณ์ของเรา
IR-1 DCF Visa: ขั้นตอนที่ 4 การตรวจร่างกาย
Ingredients
- 1. พาสปอร์ต
- 2. บัตรประชาชน
- 3. รูปถ่าย 1.5x2 นิ้ว 4 ใบ หรือใช้ 2x2 ก็ได้ค่ะ เจ้าหน้าที่จะตัดให้เอง
- 4. อีเมล์นัดวันสัมภาษณ์
- 5. ที่อยู่ เบอร์โทร ไทย
- 6. ที่อยู่ เบอร์โทร ที่อเมริกา
- 7. Email address
- 8. ประวัติการฉีดวัคซีน ถ้ามี
- 9. ฟอร์ม DS2054, DS3025, DS3026, DS3030 (ไม่ต้องเอาไป โรงพยาบาลมีให้)
- 10. เงินสดหรือบัตรเครดิตสำหรับจ่ายค่าตรวจและฉีดวัคซีน
Instructions
พอได้รับอีเมล์นัดสัมภาษณ์แล้วให้โทรไปโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่เบอร์ 02-667-1000 เพื่อจองคิวตรวจร่างกาย
เจ้าหน้าที่ปลายสายจะสอบถามชื่อนามสกุล เบอร์โทรและประวัติอื่น ๆ คร่าว ๆ ก่อนแล้วจะบอกวันนัด
ถึงวันนัดให้ไปแต่เช้าค่ะ ยิ่งสายคนยิ่งเยอะ เราไปถึง 06:30 น. ก็มีคนมาก่อนหน้าเราแล้ว ลำดับแรกเดินไปที่ตึก Clinic ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 10 เพื่อลงทะเบียนและถ่ายรูปทำประวัติผู้ป่วยใหม่ก่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เอกสารไปยื่นที่ต่อที่ชั้น 15
ของเราได้นัดกับ นพ. วัชระพงศ์ แซ่ซือ ติดต่อที่ ชั้น 15 Counter C พยาบาลจะเป็นคนรับเรื่อง เจ้าหน้าที่จะถามหาเอกสารและดูประวัติวัคซีนว่าต้องฉีดอะไรเพิ่มรึเปล่า แล้วจึงให้เราไปจ่ายเงินที่ cashier ก่อนเริ่มกระบวนการ (ของเราจ่ายไปทั้งสิ้น 10,366 บาท เพราะต้องฉีดวัคซีนเพิ่ม)
พยาบาลจะเริ่มกระบวนการวัดความดัน วัดไข้ วัดส่วนสูง ชั่งน้ำหนัก ตรวจสายตา จากนั้นรอพบแพทย์
แพทย์จะถามคำถามทั่วไป เคยมีประวัติเป็นโรคหรือแพ้ยาอะไรมั้ย จากนั้นจะให้นอนบนเตียงเพื่อตรวจตา หู จมูก ปาก ก่อนส่งเราไปเก็บเลือดและปัสสาวะ หากใครเป็นประจำเดือนพอดีบอกหมอด้วยนะคะ
เนื่องจากว่าต้องมีการเก็บเลือด ดังนั้นควรใส่เสื้อแขนสั้นหรือแขนยาวที่สามารถพับขึ้นเกินข้อพับได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้แก้วพลาสติกมีฝาปิดสำหรับการเก็บปัสสาวะ ก่อนเก็บควรเช็ดทำความสะอาดอวัยวะให้เรียบร้อยและเลือกเก็บปัสสาวะช่วงกลาง
ระหว่างรอผลเลือดและปัสสาวะ จะมีเจ้าหน้าที่อีกท่านมาพาไปชั้น 12 เพื่อทำการ X-ray ปอด ก่อน X-ray จะต้องมีการเปลี่ยนเสื้อ ทางพยาบาลมีตู้ locker ให้เก็บของและสัมภาระ
เสร็จจาก X-ray แล้วให้กลับขึ้นมาชั้น 15 อีกครั้งเพื่อรอฉีดวัคซีนต่อ ของเราต้องฉีด Tdap (Boostrix) กับ Varicella (Varilrix) เพิ่ม
จากนั้นรอฟังผลตรวจ ซึ่งของเราปกติทุกอย่าง พยาบาลจึงนับให้มารับผลอย่างเป็นทางการอีก 2 วันถัดไป รวมเวลาในการตรวจทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง
วันที่มารับผล จะได้รับซองสีน้ำตาลใหญ่ 1 ซอง ห้ามแกะห้ามเปิดเด็ดขาด เก็บไว้ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ในวันสัมภาษณ์ ส่วนอีกซองเป็นซองจดหมายสีขาว เปิดดูได้ เป็นผลการตรวจที่เราสามารถเก็บไว้เอง ผลการตรวจร่างกายมีอายุ 6 เดือนซึ่งจะเป็นตัวกำหนดวันหมดอายุของวีซ่าด้วย
Notes
วิธีการเดินทางไปโรงพยาบาลบำรุงราฎร์
ขึ้น BTS ลงสถานีนานา ออกประตู 1 แล้วเดินไปตามถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาเข้าซอยสุขุมวิท 3 (นานาเหนือ) เดินไปไม่ไกลจะเห็นป้ายทางเข้าโรงพยาบาลซ้ายมือถัดจากสถานทูตปากีสถาน
ติดต่อโรงพยาบาลบำรุงราฎร์
ที่อยู่: 33 สุขุมวิท 3 (ซอยนานาเหนือ) เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
เวลาทำการ: 24 ชม.
โทร: 02-066-8888
อีเมล์: info@bumrungrad.com
เว็บไซต์: bumrungrad.com
This post is also available in: English
1 Comment
เบียร์
ธันวาคม 3, 2018 at 11:20 AMอันนี้เลยเกือบจะไปตรวจแล้วนะเนี่ยถ้าไม่ได้มาเห็นก่อน นึกว่าต้องตรวจก่อน package III submission นะเนี่ย
ขอบคุณนะคะ
(อันนี้แอบเซ็งสถานฑูตว่าทำไมต้องบำรุงราษฎร์ก็ไม่รู้ เราไม่เคยไปหาที่นี่เลย ไปหาแต่ง รพ. กรุงเทพที่เดียว ประวัติที่นี่ไมี ต้องซักกันใหม่ยืดยาวแน่ๆ เลย